ข่าวต่างประเทศ

รัฐบาลจีนไม่มีแนวโน้มที่จะชักจูงสิงคโปร์เกี่ยวกับปัญหาความมั่นคง

รอยเตอร์

ในขณะที่การยึดรถลำเลียงพลของสิงคโปร์ในฮ่องกงเผยให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างจีนและสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์ก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนท่าทีในเรื่องผลประโยชน์หลักด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีนอันได้แก่ ความสัมพันธ์ทางทหารของสิงคโปร์กับไต้หวัน ความกังวลเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ และการเป็นฐานที่ตั้งของกองทัพสหรัฐฯ

ทางการสิงคโปร์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหารเกษียณอายุและนักวิเคราะห์ต่าง ๆ เน้นว่า แม้ในขณะที่สิงคโปร์ลดความสำคัญของข้อพิพาทต่อสาธารณะ แต่ผู้นำของสิงคโปร์จะไม่ยอมง่าย ๆ ต่อสิ่งที่มองเห็นว่าเป็นการข่มขู่ในเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นความสำคัญระดับชาติ

ทั้งสามประเด็น ได้แก่ ไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกองทัพสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งที่ดีเยี่ยมตลอดระยะเวลาหลายสิบปีในฐานะประเทศบนเกาะขนาดเล็กที่แสวงหาความมั่นคงให้กับตนเองในภูมิภาคที่ในปัจจุบันกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงในเชิงยุทธศาสตร์ในประวัติศาสตร์ท่ามกลางอำนาจที่เพิ่มขึ้นของจีน

“สิงคโปร์จะไม่ยอมถูกข่มเหงและถูกต้อนให้จนมุม” นายทิม ฮักส์ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารสิงคโปร์แห่งสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์กล่าว “สิงคโปร์จะใช้จุดยืนที่แน่วแน่ในปัญหาที่เห็นว่าสำคัญ และความสำคัญของปัญหาเฉพาะหน้าก็ไม่ควรถูกประเมินค่าต่ำไป”

เมื่อเร็ว ๆ นี้กรมศุลกากรฮ่องกงยึดรถหุ้มเกราะลำเลียงพลเก้าคันที่ขนส่งมาจากไต้หวันไปยังสิงคโปร์หลังจากการฝึกปฏิบัติการทางทหาร พร้อมการเตือนในทันทีจากรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการรักษาความสัมพันธ์กับไต้หวันซึ่งจีนถือว่าคือจังหวัดที่แยกตัวออกมา ข้อพิพาทดังกล่าวปะทุขึ้นในช่วงเวลาที่เปราะบางอย่างเห็นได้ชัดสำหรับสิงคโปร์ซึ่งประสบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

สิงคโปร์ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่มีมาอย่างยาวนานกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา และในตอนนี้เป็นเจ้าภาพการเคลื่อนกำลังพลหมุนเวียนของเรือและเครื่องบินตรวจการณ์พี-8 ของสหรัฐฯ ซึ่งแหล่งข่าวทางทหารกล่าวว่าพุ่งเป้าไปที่เรือดำน้ำของจีนเป็นประจำ นักการทูตระดับภูมิภาคกล่าวว่า ในขณะที่สิงคโปร์ไม่ใช่พันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แต่สิงคโปร์ได้กลายเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางทหารที่สำคัญมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐบาลสหรัฐฯ

รัฐบาลจีนสังเกตเห็นความสัมพันธ์ดังกล่าว

“สิงคโปร์ได้ก้าวจากประเทศที่เคยถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนที่มีประโยชน์ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ไปเป็นแนวหน้าของกลุ่มต่อต้านจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับทะเลจีนใต้” นายจาง เบาฮุย นักวิชาการด้านความมั่นคงของแผ่นดินใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลิงหนานของฮ่องกงกล่าว “วันเวลาของรัฐบาลจีนในการมองอย่างสบายใจว่าสิงคโปร์เป็นกลางอย่างไม่ชัดเจนสิ้นสุดลงแล้ว และจีนกำลังตอบสนองในทิศทางที่สอดคล้องกัน”

อย่างไรก็ตาม จีนจะพบว่าการโน้มน้าวสิงคโปร์นั้นยากกว่าประเทศอื่น ๆ ในเขตอิทธิพลของตน เพราะสิงคโปร์เป็นหนี้บุญคุณต่อความกดดันทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของจีนน้อยกว่า เนื่องจากสถานะทางการตลาดที่ก้าวหน้าและความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา นายจางกล่าว

ปัญหาอื่น ๆ ที่มีผลกระทบ

นับตั้งแต่การยึดรถหุ้มเกราะ รัฐบาลจีนได้เน้นถึงการคัดค้านต่อรูปแบบใด ๆ ของการติดต่ออย่างเป็นทางการกับไต้หวัน โกลบอล ไทมส์ หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ที่มีอิทธิพลของรัฐบาลแสดงความแข็งกร้าวมากกว่า โดยแนะนำว่ารถลำเลียงพลควรถูก “เผาทำลาย” (ภาพ: รถหุ้มเกราะลำเลียงพลของสิงคโปร์ถูกกักกันไว้ที่อาคารคลังสินค้าในฮ่องกง)
ในขณะที่สื่ออื่น ๆ ของรัฐบาลซึ่งได้แสดงความคิดเห็นที่รุนแรงต่อสิงคโปร์ตลอดทั้งปีได้เงียบเฉยต่อการยึดรถลำเลียงพลดังกล่าว

สิงคโปร์ได้หมุนเวียนกองทหารหลายพันนายต่อปีอย่างระมัดระวังไปยังไต้หวันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518

สิงคโปร์ใช้ประโยชน์จากสถานที่ต่าง ๆ ในออสเตรเลียและอินเดียเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับการส่งกองทหารไปยังบรูไนและไทย แต่ไต้หวันยังคงสำคัญกับสิงคโปร์ เนื่องจากความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นและทางเลือกการฝึกอบรมที่หลากหลาย

สิงคโปร์ยังได้แสดงบทบาทในฐานะสะพานเชื่อมทางการทูตระหว่างสองฝ่าย ซึ่งล่าสุดคือเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายหม่า อิง-จิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวัน และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558

 

ที่มาhttp://apdf-magazine.com/th/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%97/

Armored troop carriers, belonging to Singapore, are detained at a cargo terminal in Hong Kong, China November 28, 2016. REUTERS/Bobby Yip – RTSTM6C
Facebook Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

four × 3 =